สตีฟ อาโอกิ เป็นดีเจระดับโลกที่ได้รับการจัดอันดับจาก ฟอร์บส์ ให้เป็นหนึ่งในดีเจที่ทำรายได้สูงสุด 5 อันดับแรกของโลก และเป็นดีเจที่งานชุกที่สุดในโลก นอกจากนี้ เขายังเป็นโปรดิวเซอร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่มาแล้ว 2 ครั้ง สตีฟ อาโอกิ จึงถือเป็นหนึ่งในศิลปินชาวอเมริกันจากหลายแนวดนตรีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในปัจจุบัน
เพลงประจำการแข่งขัน WCG เวอร์ชั่นเดิม ซึ่งก็คือเพลง “Beyond the Game” เป็นเพลงร็อกที่มีทำนองติดหูจนแฟน ๆ ฮัมเพลงตามได้ ซึ่ง สตีฟ อาโอกิ ได้ตีความเพลงให้แตกต่างจากต้นฉบับ และเรียบเรียงใหม่เป็นแนว EDM โดยใส่ลูกเล่นสมัยใหม่เข้าไปมากขึ้น ขณะเดียวกัน สตีฟ อาโอกิ ยังได้สะท้อนความชอบของตนที่มีต่อเพลงประจำการแข่งขันเวอร์ชั่นใหม่นี้ และอุ่นเครื่องให้กับแฟน ๆ WGC ด้วยการปล่อยเพลงนี้ผ่านเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์กของเขาเอง
นับตั้งแต่นำร่องจัดการแข่งขัน WCG Challenge เมื่อปี 2000 เทศกาล WCG ก็ได้รับการยอมรับให้เป็นการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตรายการใหญ่ที่สุดในโลกตลอดระยะเวลา 14 ปีของการจัดงาน เรื่อยมาจนถึง WCG 2013 ที่เมืองคุนซาน ประเทศจีน และล่าสุด WCG ซึ่ง Smilegate ซื้อสิทธิ์ไปในปี 2017 ได้ประกาศชุบชีวิตการแข่งขันให้ฟื้นคืนมาอีกครั้ง โดยเตรียมกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในงาน WCG 2019 รอบชิงชนะเลิศ วันที่ 18-21 กรกฎาคม 2019 ที่นครซีอาน ประเทศจีน
นอกจากเปิดตัวเพลงประจำการแข่งขันเวอร์ชั่นใหม่แล้ว WCG จะเผยรายละเอียดเกี่ยวกับงาน WCG 2019 ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งรวมถึงชื่อเกม และกำหนดการแข่งขันรอบแรก
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่:
เว็บไซต์ทางการของ WCG : WCG.com
เพจเฟซบุ๊กทางการของ WCG : https://www.facebook.com/DiscoverWCG/
ช่องยูทูบทางการของ WCG : https://www.youtube.com/user/WorldCyberGames
เกี่ยวกับ WCG
WCG เป็นเทศกาลอีสปอร์ตระดับโลกที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้น ด้วยการรวมผู้คนจากทั่วโลกให้เป็นหนึ่งเดียวผ่านความสนุกสนานของเกมและวัฒนธรรมดิจิทัล WCG ได้จัดมหกรรม World Cyber Games ขึ้นเพื่อให้เป็นอีเว้นท์ระดับโลกที่ประกอบด้วยโปรแกรมการแข่งขันที่หลากหลาย พร้อมด้วยเป้าหมายที่จะเป็นมากกว่าการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต โดยก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเทศกาลแห่งความสามัคคีทั่วโลก
เกี่ยวกับ สตีฟ อาโอกิ
สตีฟ อาโอกิ เป็นดีเจระดับโลกที่ได้รับการจัดอันดับจาก ฟอร์บส์ ให้เป็นหนึ่งในดีเจที่ทำรายได้สูงสุด 5 อันดับแรกของโลก และเป็นดีเจที่งานชุกที่สุดในโลก นอกจากนี้ เขายังเป็นโปรดิวเซอร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่มาแล้ว 2 ครั้ง สตีฟ อาโอกิ จึงถือเป็นหนึ่งในศิลปินชาวอเมริกันจากหลายแนวดนตรีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในปัจจุบัน เขาก่อตั้งค่ายเพลงสุดแนวอย่าง Dim Mak Records เมื่อปี 1996 ซึ่งนอกจากเป็นค่ายเพลงแล้ว ยังเป็นบริษัทด้านไลฟ์สไตล์ อีเว้นท์ และไลน์เสื้อผ้าที่นำเทรนด์อีกด้วย ขณะเดียวกัน สตีฟ อาโอกิ ยังมีส่วนช่วยผลักดันศิลปินหน้าใหม่เข้าสู่วงการเพลงโลก เช่น The Chainsmokers, Bloc Party, Bloody Beetroots, The Gossip, The Kills และอีกมากมาย ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษบนเส้นทางสายดนตรี จนถึงปัจจุบัน ค่ายเพลง Dim Mak ปล่อยเพลงอย่างเป็นทางการไปแล้วมากกว่า 1,000 รายการ ทั้งเพลงของศิลปินชื่อก้องและศิลปินน้องใหม่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ครอบคลุมหลากหลายแนวดนตรี ไม่ว่าจะเป็น EDM, อินดี้ร็อก, ฮิปฮอป และอีกมากมาย ในฐานะศิลปินเดี่ยว อาโอกิมีผลงานที่ได้รับการยกย่อง ได้แก่ Wonderland (2012) อัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่เป็นครั้งแรกในสาขา Best Dance / Electronica Album นอกจากนี้ ผลงานที่ประสบความสำเร็จของเขายังรวมถึง อัลบั้มชุด Neon Future ซึ่งประกอบด้วย Neon Future I (2014 ที่ได้รับการรองรับยอดขายระดับ Gold จาก RIAA), Neon Future II (2015), Neon Future III (พฤศจิกายน 2018) และ Neon Future IV (ฤดูใบไม้ผลิ 2019) ตลอดจน อัลบั้มแนวฮิปฮอป Steve Aoki Presents Kolony (2017)